เปิดฉากครึ่งแรกมากลายเป็น แรนส์ ที่ครองเกมเหนือกว่าเล็กน้อย จนนาทีที่ 21 เกือบขึ้นนำก่อน คามัลดีน ซูเลมาน่า ลากจากขวาตัดเข้าในแล้วปั่นด้วยซ้ายบอลหลุดเสาไกลออกไปนิดเดียว
จากนั้นนาที 23 เปแอสเช ได้โอกาสทองจากจังหวะที่ เนย์มาร์ เก็บตกได้หน้าปากประตูวิ่งมาหวดด้วยขวาเน้นๆ แต่บอลเหินข้ามคาน
ทีมเยือนหวิดขึ้นนำอีกครั้ง ในนาที 31 ลิโอเนล เมสซี่ ได้ซัดฟรีคิกระยะประมาณ 30 หลาแต่ปั่นไปโดนคานกระดอนออกมา
อย่างไรก็ตาม แรนส์ ได้โต้กลับมาและพลิกข้นนำก่อน 1-0 ในนาทีที่ 45 คามัลดีน ซูเลมาน่า เปิดบอลไปเสาไกลให้ กาเอต็อง ลาบอร์กด์ สอดมายิงตามน้ำเน้นๆส่งบอลตุงตาข่าย และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้
เริ่มครึ่งหลังเปิดฉากมาได้เพียงนาทีเดียวเท่านั้น แรนส์ นำห่างเป็น 2-0 ฟลาเวียง เต๊ต์ จ่ายเรียดเข้าเขตโทษจากกราบขวาให้ กาเอต็อง ลาบอร์กด์ วางเท้าซัดเน้นๆเข้าประตูไป
หลังจากนั้น แรนส์ ได้ลุ้นลูกสามในนาที 62 คามัลดีน ซูเลมาน่า ลากจากซ้ายตัดเข้าในแล้วกดด้วยขวาบอลหลุดกรอบออกไปแบบได้ลุ้น
นาทีที่ 68 อังเคล ดิ มาเรีย แทงบอลทะลุช่องให้ คีลียัน เอ็มบั๊ปเป้ กระชากเข้าเขตโทษไปซัดผ่านมือ อัลเฟร็ด โกมิส เสียบมุมเข้าประตูไป แต่ถูก VAR ริบประตูคืนเนื่องจาก เอ็มบั๊ปเป้ อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าไปก่อน
นาที 74 ลิโอเนล เมสซี่ ได้โอกาสอีกครั้งปั่นฟรีคิกหน้าเขตโทษแต่บออลเหินข้ามคาน
จากนั้นนาทีที่ 75 เปแอสเช แก้เกมด้วยการส่ง จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม, เมาโร อีการ์ดี้ และ อันเดร เอร์เรร่า ลงมาเล่นแทน เนย์มาร์, มาร์โก้ แวร์รัตติ และ อิดริสซ่า กาน่า เกย์
เวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้ จบเกม แรนส์ ชนะ เปแอสเช 2-0